Social Icons

Social Icons

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ปลาปลาทอง



สีปลาทอง
  
สภาวะแวดล้อม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงสว่างมีอิทธิพลต่อสีของปลาทองมากที่สุด ปลาทองที่เลี้ยงในที่มีแสงสลัว อย่างเช่นเลี้ยงในบ่อลึก ในแม่น้ำ เป็นต้น สีจะซีดจางตรงกันข้ามกับปลาทองที่เลี้ยงในที่มีแสงสว่างจ้า สีจะเข้มและสดใส
   สีปลาทองเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดสี 2 หรือ 3 ชนิด ได้แก่
   สีดำ เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดสี เมลาโนฟอร์
(Melanophores) 
   สีเหลือง เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดสี แซนโธฟอร์  (Zanthophores) 
   สีแดง เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดสี อีริโธฟอร์ (Erythophores) บางตำราว่าเหมือนกับ แซนโธฟอร์
   การมีหรือขาดเซลล์เม็ดเลือดสีในปริมาณแตกต่างกัน รวมทั้งองค์ประกอบทางเคมี ตลอดจนตำแหน่งของเซลล์เม็ดสีในตัวปลา คือ ปัจจัยทำให้ปลาทองมีสีต่าง ๆ
   สีทอง ปลาทองป่า หรือปลาทองตามธรรมชาติจะมีเซลล์เม็ดเลือดสีเพียงแค่ม 2 ชนิด คือ  เมลาโนฟอร์  (ดำ)  แซนโธเฟอร์ (เหลือง) เมื่อรวมกับสารประกอบสีเงินที่มีชื่อว่า กวานีน 
(guanine)  ในชั้นของผิวหนังทำให้ปลาทองป่ามีสีเทาอมเงิน เมื่อเกิดการกลายพันธุ์หรือสีส้ม หรือ สีเหลือง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณของเซลล์เม็ดสี  แซ่นโฟอร์  เหลือง
   สีแดง  ปลาทองสีแดงเป็นปลาที่มีเซลล์เม็ดสี (แดง)  จำนวนมาก
   สีขาว  ปลาทองสีขาวเป็นปลาที่ไม่มีเซลล์เม็ดเลือดสีอยู่เลย
   สีทองแดงหรือสีนาก สัดส่วนการผสมที่ไม่เท่ากันของเซลล์เม็ดสีเมลาโนฟอร์ (ดำ)  กับ แซนโธฟอร์ (เหลือง) ทำให้เกิดโทนสีหลายโทน ตั้งแต่สีทองแดง สีเหล็ก ไปจนถึงสีน้ำตาล
   สีน้ำเงิน ปลาทองที่มีสีมุก
(nacreous/matt fish)  ถ้าเซลล์เม็ดเลือดสี เมลาโนฟอร์ (ดำ) มีจำนวนน้อย และอยู่ในชั้นของผิวหนังค่อนข้างลึก รวมทั้งเซลล์เม็ดสีแซนโธฟอร์ (เหลือง)  ขาดหายไป สีของปลาที่มองเห็นจะออกไปทางสีน้ำเงิน ซึ่งถ้าจะว่าไป สีน้ำเงินเมทัลลิก บลู (metallic blue)  จริงๆ แล้วก็คือสีเทา  (grey)  นั้นเอง
   สีดำ ปลาทองที่มีสีดำจะมี่เซลล์เม็ดสี เมลาโนเฟอร์ (ดำ) จำนวนมากและเรียงอยู่ที่ชั้นใกล้ผิวหนังของตัวปลา
   ความแตกต่างในเรื่องสีของปลาทอง นอกจากจะขึ้นอยู่กับปริมาณของเซลล์เม็ดสี
(pigment cell) แล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารประกอบสีเงินที่เรียกว่า "กวานีน" (guanine) ซึ่งอยู่ในชั้นผิวหนังใต้เกล็ดปลาปกติเกล็ดปลาจะมีลักษณะโปร่งใส (transparent) ถ้าปลาตัวไหนมีสารกวานีน ในชั้นผิวหนังจำนวนมาก เกล็ดปลาก็จะเห็นเป็นสีเงินสะท้อนแสงเป็นแวววาว ถ้ามี
สารกวานีนจำนวนน้อย เกล็ดปลาจะเห็นเป็นสีมุกจางๆ 
(nacreous)  แต่ถ้าขาดสารกวานีน เกล็ดปลาจะมองเห็นเป็นสีมุกทึบ

ครีบปลาทอง

  
ตามปกติแล้วครีบปลาทองจะมี 2 ชั้นประกบกันแนบสนิท ปลาทองที่มีครีบเดี่ยว เช่น ปลาทองธรรมกา
(Common Glkdfish)  ปลาทองโคเมท (Comet)  และปลาทองซูบุงกิง (Shubunkin)  ล้วนมีครีบสองชั้นเหมือนปลาทองป่าหรือปลาทองธรรมชาติที่เป็นต้นตระกูลของมัน
   ครีบหลังและครีบก้นที่แยกชั้นออกจากกันเป็นครีบคู่ของปลาทองชนิดหางคู่ ซึ่งเป็นลักษณะของการกลายพันธุ์ตั้งแต่ยุคราชวงศ์หมิง ของประเทศจีนเมื่อ 600 กว่าปีมาแล้ว เช่นเดียวกับปลาทองที่ไม่มีครีบหลังลักษณะ 3 ประการนี้เมื่อรวมกับการกลายพันธุ์โดยลำตัวสั้นลงและป้อมขึ้น ทำให้เกิดเป็นปลาทองทรงรูปไข่
(eggfish) เป็นปลาทองพันธุ์ลำตัวป้อมสั้นหางคู่ที่เก่าแก่และเป็นต้นสายพันธุ์ของปลาทองหัวสิงห์ (Lionhead) ปลาทองปอมปอน (Pompon) ปลาทองตากลับ (Celestial)  และตาลูกโป่ง (Bubble)
   ปลาทองชนิดลำตัวยาวแต่มีหางคู่และครีบหลังแยกเป็นครีบคู่ก็มีอย่างเช่นปลาทอง ยิกิง (Jikin) หรือปลาทองหางนกยูง  (Peacock Tail) และปลาทอง วากิง (Wakin)
   นอกจากนั้นแล้วยังมีปลาทองลำตัวสั้นหางคู่ที่มีครีบยาว ซึ่งพัฒนามาจากพวกหางคู่ครีบสั้น ได้แก่ปลาทองริวกิ้น (Ryukin/Veiltail)  ปลาทองออแรนดา  (Oranda)  ปลาทองตาโปน (Globe/Telescope) และปลาทองพันธุ์เล่ห์หางแฉก (Broadtail moor)

องค์ประกอบภายนอกของปลาทอง

   องค์ประกอบภายนอกของปลาทองโดยทั่วไปแล้วเขาแบ่งกันออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนลำตัว และส่วนหาง

   ส่วนหัว
:  เริ่มต้นจากปลายปากไปจนถึงเหงือก ปลาทองหลายชนิดมีก้อนเนื้อลักษณะเป็นเม็ดรวมตัวเป็นก้อนทีนิยมเรียกกันว่า "วุ้น" จับอยู่บริเวณส่วนหัวแต่ปลาทองบางพันธุ์ก็ไม่มีวุ้น
   ส่วนหัวของปลาทอง ถ้ามองจากด้านบนแบ่งออกได้เป็น  3  ลักษณะ คือ
   ลักษณะคล้ายหัวเรือ เช่น ปลาทองพันธุ์ วากิง  และริวกิ้น เป็นต้น
   ลักษณะกลมรี  เช่น ปลาทองพันธุ์ออแรนดาหัววุ้น
   ลักษณะทรงกลมแบบครึ่งเหรียญ เช่น ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์
   ส่วนหัวของปลาทองประกอบด้วยอวัยวะที่สำคัญคือ

   ตา
: เป็นอวัยวะที่ช่วยให้มองเห็น แต่ตาปลาทองมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากปลาทั่วไป แบ่งออกได้เป็น 4 แบบ คือ
   แบบตาปกติทั่วไปได้แก่ ปลาทองธรรมดา ปลาทองโคเมท ปลาทองริวกิ้น ออแรนดา เกล็ดแก้ว เป็นต้น
   แบบตาโปนออกมาด้านข้าง  ได้แก่ ปลาทองพันธุ์ตาโปนต่าง ๆ ปลาทองพันธุ์เล่ห์ เป็นต้น
   แบบตาหงายขึ้นด้านบน  ได้แก่ ปลาทองพันธุ์กลับ  เป็นต้น
   แบบตาที่มีขอบโป่งพองเหมือนมีถุงน้ำติดอยู่ด้านข้าง ได้แก่ ปลาทองพันธุ์ตาลูกโป่ง เป็นต้น
   แม้ตาปลาทองบางพันธุ์จะมีลักษณะแตกต่างกับปลาทั่วไป แต่ก็สามารถมองเห็นว่ายน้ำตรงทิศทาง และมองหาอาหารได้เหมือนตาปกติธรรมดา

   ปาก
:  หน้าที่หลักใช้สำหรับกินอาหารแล้วส่งอาหารเข้าสู่ระบบการย่อย นอกจากนั้นแล้วยังใช้สำหรับคุ้ยหาอาหารตามพื้น และช่วยหายใจโดยโผล่ปากขึ้นมาสูดออกซิเจนในอากาศเข้าไปชดเชยในกรณีที่ออกซิเจนในน้ำมีไม่เพียงพอ

   จมูก
: ถ้าสังเกตที่บริเวณเหนือริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยจะเห็นมีรูเล็ก ๆ 2 รู นั่นคือจมูก ปลาทองบางสายพันธุ์มีเยื่อจมูกโผล่ยื่นออกมาข้างนอกเป็นกระจุก เช่นปลาทองพันธุ์ปอมปอน
   ปลาไม่ใช้จมูกสำหรับหายใจเหมือนสัตว์บก แต่มีไว้สำหรับดมกลิ่นในการหาอาหาร

   เหงือก
: เป็นเนื้อเยื่อซ่อนอยู่ใต้แผ่นกระดูกตรงบริเวณแก้มปลาทำหน้าที่กรองออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเอาไปใช้ในระบบหายใจ ส่วนแผ่นกระดูกที่ติดเหงือกอยู่เรียกว่า แผ่นปิดเหงือกมีไว้สำหรับป้องกันเหงือกและเปิดปิดช่องเหงือก

   วุ้น
: เป็นก้อนเนื้อลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ รวมตัวซ้อนกันอยู่ตรงบริเวณส่วนหัวของปลาทองคล้ายฟองสบู่  ภายในประกอบด้วยชั้นไขมันหนา เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของปลาทองที่ผู้เลี้ยงมองว่าเป็นความสวยงามแต่ไม่เกิดประโยชน์อันใดกับตัวปลาเองเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเป็นภาระที่ปลาจะต้องแบกไว้ชั่วชีวิตด้วยซ้ำ ปลาทองที่มีวุ้นบนส่วนหัว ได้แก่ ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ออแรนดาหัววุ้น เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทองพันธุ์หัวสิงห์วุ้นจะดกหนาเป็นก้อนใหญ่คลุมลงมารอบปากที่เรียกกันว่า "เขี้ยว" ปลาทองบางพันธุ์ก็ไม่พบวุ้นที่บริเวณหัว เช่น ปลาทองพวกที่มีลำตัวแบน ปลาทองพันธุ์ริวกิ้นและ วากิง
เป็นต้น
   ส่วนตัว
:  คือส่วนตั้งแต่แผ่นปิดเหงือกไปจนถึงโคนครีบหาง ประกอบด้วยอวัยวะภายนอกที่สำคัญ คือ

   เกล็ด
:  เป็นแผ่นกระดูกบางใสเรียงเกยซ้อนกันคล้ายกระเบื้องมุงหลังคาอยู่ที่ผิวหนังของตัวปลา ทำหน้าที่ป้องกันอวัยวะภายในของปลา นอกจากนั้นเกล็ดปลาจะมีเมือกห่อหุ้มไว้อีกชั้น ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันโรคให้กับปลาและลดการเสียดสีกับสิ่งของในน้ำและระหว่างปลาด้วยกันเอง

   ครีบนอกหรือครีบหู
:  เป็นครีบคู่ ตั้งอยู่บริเวณกระพุ้งแก้มหลังแผ่นปิดเหงือกข้างละอ้น ทำหน้าที่บังคับให้หัวปลาปักลงหรือเชิดขึ้น หรือช่วยให้ปลาทรงตัวอยู่กับที่

   ครีบท้อง
: เป็นครีบคู่เช่นกัน ตั้งอยู่บริเวณใต้ท้องถัดจากครีบอกไปทางด้านหลังเล็กน้อย ทำหน้าที่เช่นเดียวกับครีบอก
   ครีบทวาร
: ตั้งอยู่ที่ส่วนล่างของลำตัวถัดจากครีบหางมาทางส่วนหน้าเล็กน้อย และอยู่ใกล้กับรูทวารหนัก มีหน้าที่ช่วยในการทรงตัวปกติครีบทวารจะเป็นครีบเดี่ยว คือมีครีบเดียว แต่ปลาทองบางชนิด ครีบทวารแยกเป็นรูปตัว v ซึ่งมีทั้งชนิดครีบยาวและแฉกปลาย ปลาทองบางชนิดก็มีครีบทวารแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงเป็น 2 ครีบ

   ครีบหลัง
: มีหน้าที่ช่วยให้ปลาเคลื่อนที่ได้ตรงทิศทางและรวดเร็วขึ้น ถ้าจะแบ่งปลาทองโดยอาศัยครีบหลังเป็นเกณฑ์สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
   กลุ่มที่มีครีบหลังคล้ายเสากระโดงเรือตั้งอยู่กลางลำตัว เช่น ปลาทองธรรมดา ปลาทองพันธุ์โคเมท ชูบุงกิง เป็นต้น
   กลุ่มที่มีครีบหลังยาว เช่น ปลาทองริวกิ้น และออแรนดาหัววุ้น เป็นต้น
   กลุ่มทีไม่มีครีบหลัง เช่น ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ พันธุ์ตาโปน ตากลับและตาลูกโป่ง เป็นต้น

   ส่วนหาง  คือ ส่วนตั้งแต่โคนหางไปจนถึงปลายครีบหาง เป็นอวัยวะที่จะทำให้ปลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ตลอดจนบังคับเลี้ยวและการทรงตัวและเป็นส่วนสำคัญของปลาทองที่ทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้เลี้ยงและผู้พบเห็น จึงมีการพยายามเพาะพันธุ์เพื่อให้ได้ปลาทองที่มีครีบหางต่าง ๆ กัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 6 แบบ คือ

   หางซิว  ลักษณะปลายครีบหางเว้าเป็น 2 แฉก เช่น ปลาทองธรรมดา
   หางซิวยาว  ลักษณะหางเว้าลึกและยาวกว่าหางซิว เช่น ปลาทองโคเมท ปลาทองชูบุงกิง
   หาง 3 แฉก  ลักษณะหางด้านบนติดกัน แต่ด้านล่างแยกเป็น 2 แฉก
   หางดอกซากุระ ลักษณะหางด้านบนและด้านล่างแยกจากกันมองเห็นเป็น 4 แฉก
   หางนกยูง  ครีบหางแยกเป็นสี่แฉกแบบเดียวกับหางดอกซากุระ แต่ปลายครีบหางแผ่ตั้งคล้ายหางนกยูง  เช่น ปลาทองยิคิง
   หางกลับ  ครีบหางที่ควรจะอยู่ส่วนบนได้กลับลงมาอยู่ข้างล่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Sample text

Sample Text

Sample Text